พระราชวังมัณฑะเลย์ (Mandalay Royal Palace, Mandalay, Myanmar)
สวัสดีค่ะทุกคนครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปชมโบราณสถานที่สำคัญของประเทศเมียนมาร์ นั้นคือ พระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองทองแห่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนา แต่กลับเป็นพระราชวังแห่งสุดท้ายของมัณฑะเลย์ และของเมียนมาร์ เมื่อถึงยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ซึ่งอังกฤษได้ผนวกเมียนมาร์เข้าเป็นอาณานิคมของตนเอง และเชิญพระเจ้าทีปอกับพระนางสุภายาลัด กษัตริย์องค์สุดท้ายของเมียนมาร์เสด็จออกนอกประเทศ ไปประทับที่อินเดียจนสิ้นพระชนม์ที่นั่น และช่วงสงครามโลกพระราชวังหลวงที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังก็ถูกทำลายจนสิ้น ปัจจุบันได้มีการบูรณะพระราชวังขึ้นมาใหม่เป็นบางส่วนแต่ก็มิได้สวยงามเท่าของเดิม เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การไปเยือน
ที่มา : https://www.wonderfulpackage.com/article/v/711/ |
ประวัติความเป็นมา
เมืองมัณฑะเลย์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี อดีตเมืองหลวงที่สำคัญของประเทศเมียนมาร์ พระราชวังมัณฑะเลย์ถูกสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้ามินดง ในปีปี ค.ศ. 1857 หลังการย้ายเมืองหลวงจากอมระปุระมายังมัณฑะเลย์ เพื่อหนีทหารของจักรวรรดิอังกฤษ ระหว่างสงครามพม่า-อังกฤษ
พระเจ้ามินดงทรงสุบินเห็นภูเขามัณฑะเลย์ โหรหลวงได้ทำนายว่าต้องสร้างราชธานีใหม่ ณ ที่แห่งนี้ พระองค์จึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงจากอมรปุระมายังเมืองมัณฑะเลย์ โดยรื้อพระราชวังเดิมนำมาสร้างใหม่ สร้างขึ้นตามผังภูมิจักรวาลแบบพราหมณ์ปนพุทธ โดยสมมุติให้เป็นศูนย์กลางของโลก (เขาพระสุเมรุ)
ในการก่อสร้างเป็นพระราชวังที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ได้ชื่อว่ามีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชีย มีคูน้ำรอบพระราชวังและประตูที่ยิ่งใหญ่ และเป็นพระราชวังที่สุดท้ายของพระเจ้าธีบอ กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์คองบองและในประวัติศาสตร์พม่า เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่าในสงครามโลกครั้งที่สอง ทางอังกฤษคิดว่าพระราชวังนี้เป็นแหล่งซ่องสุมของทหารญี่ปุ่น จึงได้ทำลายพระราชวังด้วยการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินในวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1945 พระราชวังตกอยู่ในความเสียหายมาโดยตลอด จนปัจจุบันได้รับการบูรณะโดยรัฐบาลพม่า โดยการลอกแบบโครงสร้างเดิม เพราะฉะนั้นลวดลายและฝีมือการแกะสลักจึงไม่สวยงามและละเอียดละออเท่ากับของเดิม ซึ่งสามารถไปดูลวดลายการแกะสลักที่คล้ายคลึงกันได้ที่ วิหารชเวนั้นดอร์ ซึ่งเป็นวัดที่มีการแกะสลักไม้สักปิดทองที่ยังไม่ถูกทำลายและยังคงสภาพได้อย่างสมบูรณ์
สถาปัตยกรรมพระราชวังมัณฑะเลย์
รูปแบบศิลปะ : ศิลปะสมัยอมรปุระและมัณฑะเลย์ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23
ผู้สร้าง : พระเจ้าบินดง ปี ค.ศ. 1857
ลักษณะเด่น : มีการสร้างหลังคาเป็นปราสาท หรือ ปยาธาตุ ลักษณะเป็นแบบเรือนชั้นซ้อนแบบพม่า และการแกะสลักไม้ปิดทองที่เป็นเอกลักษณ์และมีความละเอียดงดงาม
พระราชวังมีรูปแบบแผนผังการสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 2 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบพระราชวัง และมีกำแพงที่สร้างด้วยอิฐสูงประมาณ 8 เมตร ยอดกำแพงเป็นรูปใบเสมา รอบล้อมพระราชวัง ซึ่งกำแพง ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นปราการป้องกันข้าศึก แต่สร้างไว้เพื่อแสดงว่า พื้นที่ภายในวงล้อมของกำแพงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากกว่า
ที่มา https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/83462.html |
ที่มา https://www.dplusguide.com/2017/mandalay-story/ |
มีประตูเข้าสู่พระราชวังทั้งหมด 4 ทิศ ทิศละ 3 ประตู รวมเป็น 12 ประตู แต่ประตูที่ใช้ได้จริงมีเพียงประตูทางทิศตะวันออกเท่านั้น เพราะมีสะพานที่สามารถข้ามเข้าไปได้ นอกนั้นเป็นประตูหลอก ยกเว้นแต่ประตูทางทิศตะวันตก เป็นประตูผี ที่มีความเชื่อว่าใช้สำหรับขนคนที่ตายแล้วออกจากวังเท่านั้น แต่ในช่วงที่อังกฤษเข้ามาเป็นเจ้าอาณานิคมได้บังคับให้พระเจ้าตี่ป่อและพระนางสุภายาลัด เสด็จด้วยเกวียนเทียมโคออกไปลงเรือที่แม่น้ำอิรวดีด้านประตูทางทิศตะวันตก ซึ่งถือเป็นการหมิ่นพระเกียรติอย่างร้ายแรง ในปัจจุบันรัฐบาลพม่า ยังไม่ยอมซ่อมสะพานที่ข้ามผ่านประตูผีแห่งนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์อันเจ็บปวดที่ถูกอังกฤษกระทำย่ำยีศักดิ์ศรี
ที่มา http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/10/K8404784/K8404784.html |
ภายในปราสาทถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ชั้นนอก เป็น หมู่มหามณเฑียร ลักษณะจะเป็นท้องพระโรง 3 หลังติดกัน เป็นสถานที่ที่ใช้ประชุมของเหล่าเสนาบดีและขุนนาง ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ภายในพระราชวังมัณฑะเลย์ จัดแสดงสิ่งของที่หลงเหลืออยู่ และได้รับคืนบางส่วนจากอังกฤษหลังได้รับเอกราช แต่ทรัพย์สมบัติจำนวนมากก็ยังคงอยู่ที่อังกฤษ
ที่มา https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/83462.html |
ชั้นกลาง ใจกลางพระราชวังเป็นห้องพระมหาปราสาทที่ประดิษฐานสีหาสนบัลลังก์ นอกจากนี้ยังมีพระที่นั่งมยีนันซึ่งสร้างด้วยไม้ แล้วหุ้มด้วยแผ่นทอง 7 ชั้น สูงถึง 78 เมตร เป็นจุดศูนย์กลางของพระราชวัง ดังเขาพระสุเมรุที่เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล และด้านหลังของพระที่นั่งมยีนัน เป็นพระที่นั่งสายตะหวุ่นสาง ที่ประดิษฐานหงสาสนบัลลังก์ ใช้เป็นที่รับรองพระราชอาคันธุกะต่างแดน
ที่มา https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/83462.html |
และชั้นใน เป็นตำหนักของพระมเหสี พระสนมและวงศานุวงศ์ขนาดเล็กลงมาตามลำดับความสำคัญ ลักษณะเด่นจะเป็นเรือนไม้สักสีแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามคนนอกเข้ายกเว้นกษัตริย์และทหารรักษาการณ์ ซึ่งคาดว่าตำหนักในชั้นในมีประมาณ 45-48 หลังตามจำนวนของพระสนมของพระเจ้าบินดง
ที่มา https://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=334 |
**จะมีเพียงส่วนชั้นนอกและชั้นกลางเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ในส่วนอื่นไม่อนุญาตให้เข้าชมและห้ามถ่ายรูป เพราะเป็นที่ตั้งของทหาร มีการรักษาความปลอดภับที่เข้มงวด
นอกจากนี้ยังมีหอคอยไม้บันไดเวียน เป็นหอคอยที่ใช้มองเมืองมัณฑะเลย์ และสังเกตุการณ์โดยรอบพระราชวังด้านข้างมีอาคารแบบตะวันตก มีสระน้ำแบบชาวโรมัน ซึ่งพระเจ้าสีป่อสั่งให้ช่างชาวอิตาลีสร้างขึ้นในภายหลัง
ที่มา https://www.dplusguide.com/2017/mandalay-story/ |
ที่มา https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/83462.html |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น