วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

พระโพธิสัตว์ในนิกายมหายาน:พระอวโลกิเตศวร


             สวัสดีค่ะทุกคน ครั้งนี้เราไม่ได้นำเสนอเรื่องมรดกโลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันแล้วนะคะ ครั้งนี้เราจะมานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในนิกายมหายาน ซึ่งเป็นนิกายส่วนหนึ่งของพุทธศาสนา โดยเราจะมาพูดถึงหนึ่งในพระโพธิสัตว์ที่สำคัญในนิกายมหายานนั้นก็คือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีคนสักการะนับถือมากที่สุดในนิกายมหายานกันนะคะ

ที่มา : http://wanidasiobhan.blogspot.com/2012/11/blog-post_3204.html

          พระอวโลกิเตศวร เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีความสำคัญและมีผู้คนให้การเคารพนับถือมากที่สุดในนิกายมหายาน มีการนับถือกันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็น จีน ทิเบต มองโกลเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น ญวน(ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) โดยจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันและการผสมผสานลักษณะของพระอวโลกิเตศวรเข้ากับเทพพื้นเมืองของตนเอง ทำให้พระโพธิสัตว์ของแต่ละที่มีความแตกต่างกัน


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจากทุกที่
ที่มา : สำนักข่าวทีนิวส์

   การกำเนิดพระโพธิสัตว์ในทิเบตโบราณมีอยู่ 2 เหตุผลด้วยกัน นั้นคือ
      1. เชื่อกันว่า ในกัล์ปก่อนมีพระภิกษุรูปหนึ่งที่มีความกรุณาเมตตาต่อสรรพสัตว์มาก และเมื่อมาถึงกัล์ปปัจจุบันพระรูปนี้ได้อวตารลงมาเป็นพระอวโลกิเตศวร
     2. เชื่อกันว่า พระอวโลกิเตศวรเป็นองค์อวตารของผู้ที่มีความกรุณาเมตตาอันยิ่งใหญ่ เป็นพระโพธิสัตว์ที่เป็นเทวดาอวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำหน้าที่นำความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับพระอวโลกิเตศวรมาบอกกล่าวแก่มวลมนุษย์

ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์#/media/File:A_thangka_(religious_painting),_School_of_Traditional_Arts,_Thimphu.jpg

ความหมายของพระนาม
  ชื่อ อวโลกิเตศวร นั้นมีการนิยามความหมายได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
       คำว่า อวโลกิเตศวร มาจากคำสันสกฤตสองคำคือ อวโลกิต กับ อิศวร แปลได้ว่าผู้เป็นใหญ่ที่เฝ้ามองจากเบื้องบน หรือพระผู้ทัศนาดูโลก ซึ่งหมายถึงเฝ้าดูแลสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์
       การนิยามคำว่า อิศวร   เป็นเสมือนตำแหน่งที่ติดมากับพระนามอวโลกิตะ จึงถือได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์เดียวที่มีตำแหน่งระบุไว้ท้ายพระนาม ในขณะที่พระโพธิสัตว์พระองค์อื่นไม่มี แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความสำคัญของพระโพธิสัตว์พระองค์นี้
       ส่วนของจีนนั้น มีการนิยามชื่อ กวนซีอิม หรือ กวนอิม ซึ่งก็มีความหมายว่า ผู้เพ่งสดับเสียงแห่งโลก หรือ พระผู้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของสัตว์โลกที่กำลังทุกข์

[​IMG]
ที่มา : https://palungjit.org/threads/กำเนิดของพระอวโลกิเตศวร.286796/

          พระอวโลกิเตศวรเป็นพระโพธิสัตว์ในฐานะธยานิโพธิสัตว์  นั้นคือ เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีบริบูรณ์ครบถ้วนแล้ว และสำเร็จเป็นพระธยานิโพธิสัตว์หรือพระโพธิสัตว์ในสมาธิโดยยับยั้งไว้ยังไม่เสด็จเข้าสู่พุทธภูมิ เพื่อจะโปรดสรรพสัตว์ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มีทิพยบุคคลที่มีลักษณะเหมือนเทพยดา มีคุณชาติทางจิตเข้าสู่ภูมิธรรมขั้นสูงสุดและทรงไว้ซึ่งพระโพธิญาณอย่างมั่นคง จึงมีสภาวะที่สูงกว่าพระโพธิสัตว์ทั่วไป มักจะมีภูมิหลังที่ยาวนาน เป็นพระโพธิสัตว์ที่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์มานานนับแต่สมัยพระอดีตพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ไม่สามารถคาดเดาเวลาได้

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : thapra.lib.su.ac.th

           เนื่องจากพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีผู้คนเคารพนับถือมากที่สุดในบรรดาพระโพธิสัตว์ในนิกายมหายาน จึงมีการสร้างสรรค์รูปแบบศิลปะที่หลากหลายและค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน ดังที่จะนำเสนอดังนี้
          รูปแบบศิลปะพระอวโลกิเตศวรในทิเบต  
          พระอวโลกิเตศวรของทิเบตนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับต้นแบบที่อินเดียเพราะได้รับอิทธิพลมาอย่างแรงกล้าอีกทั้งยังเป็นผู้ชายซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นแบบของพระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ พระอวโลกิเตศวรนั้นจะมีปางต่างๆทั้งหมด 7 ปาง คือ

 - อโมฆปาสะ แปลว่า ปางผู้มีบ่วงไม่ว่างเปล่า
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อโมฆปาสะ
ที่มา : วิกิพีเดีย

- วรสหัสรภุชโลจนะ หรือ สหัสภุชสหัสเนตร แปลว่า ปางผู้มีพันหัตถ์ และพันเนตร
[​IMG]
ที่มา : https://palungjit.org/threads/กำเนิดของพระอวโลกิเตศวร.286796/


- หยะครีวะ แปลว่า ปาง ผู้มีเศียรเป็นม้า
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : oknation.nationtv.tv


- เอกาทสทุกขะ แปลว่า ปางผู้มี 16 พักตร์
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : playcast.ru

- จุนที แปลว่า ปางผู้เป็นเทพธิดานามว่าจุนที
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระโพธิสัตว์จุนที
ที่มา : Topicstock - Pantip

- จินตามณีจักระ แปลว่า ปางผู้มีจินตามณีจักร
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระโพธิสัตว์จินตามณีจักระ
ที่มา : กองบุญหมื่นฟ้า

- อารยโลกิเตศวร แปลว่า ปางผู้เป็นใหญ่ผู้ประประเสริฐที่คอยสอดส่องดูแลโลก
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : Google Sites


รูปแบบศิลปะพระอวโลกิเตศวรในจีน 
          เป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่ลักษณะที่มีความแตกต่างและโดเด่นกว่าทุกๆที่ นั้นคือ เป็นพระพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่เป็นผู้หญิง ซึงเป็นการผสมผสานระหว่างพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจากอินเดียเข้ากับเทพพื้นเมืองของจีน จึงมีพระนามว่า กวนซีอิม หรือ กวนอิม ที่เราเคยได้ยินชื่อผ่านมาบ้างจากศาลเจ้าของจีนในชื่อ เจ้าแม่กวนอิม

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : iamcrossstitch.com
รูปแบบศิลปะพระอวโลกิเตศวรในศรีวิชัย

          เป็นรูปแบบศิลปะที่ได้รับมาจากอินเดียในยุคของคุปตะและหลังคุปตะ ซึ่งจะทำด้วยศิลาและสำริด แต่สร้างพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยสำริดถึงว่าเป็นลักษณะเด่นที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะศิลปะศรีวิชัย


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ศิลปะศรีวิชัย
ที่มา : Google Sites

รูปแบบศิลปะพระอวโลกิเตศวรในจาม

          เนื่องจากอาณาจักรจามในสมัยนั้นได้มีความผูกพันธ์มิตรไมตรีอันดีกับอาณาจักรศรีวิชัย อีกทั้งยังมีการติดต่อ ค้าขายกันมาอย่างยาวนาน ทำให้จามได้รับอิทธิพลพุทธศาสนานิกายมหายานเข้ามาด้วย ซึ่งมีรูปแบบการสร้างรูปปั้น แกะสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่คล้ายคลึงกับศิลปะศรีวิชัย 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในเวียดนาม
ที่มา : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร

          นี่ก็เป็นเรื่องราวของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในพุทธศาสนานิกายมหายาน พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีผู้คนเคารพนับถืออย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอาเซียนก็เราก็ได้รับอิทธิพลของพุทธศาสนามหายานเข้ามาด้วยเช่นกัน ดังนั้น อิทธิพลของศาสนาจะเป็นแรงศรัทธาและแรงบรรดาลใจให้กับมนุษย์ของเราได้อย่างแรงกล้า ในการสร้างสรรค์รูปแบบก็ศิลปะและวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดอยู่ก็ตาม






เอกสารอ้างอิง

       วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. มูลนิธิวิกิมีเดีย.(มปป).พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร.สืบค้นเมื่อ 17/11/2561
จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

       arthur04.(2554).ประวัติขององค์โพธิสัตว์อวโลกิเตศวร .สืบค้นเมื่อ 17/11/2561
จากเว็บไซต์ http://oknation.nationtv.tv/blog/arthur05/2011/04/05/entry-1

       เสถียร โพธินันทะ.(มปป).เรื่องพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์.สืบค้นเมื่อ 17/11/2561
จากเว็บไซต์ http://www.dharma-gateway.com/ubasok/satien/ubasok-14.htm

       janepat2549.(2554).กำเนิดของพระอวโลกิเตศวร​.สืบค้นเมื่อ 17/11/2561
จากเว็บไซต์  https://palungjit.org/threads/กำเนิดของพระอวโลกิเตศวร.286796/


วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

มรดกโลก ดินแดนโคโมโด

     

 สวัสดีค่ะทุกคน ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับดินแดนของโคโมโดหรืออุทยานแห่งชาติโคโมโดกัน เป็นสถานที่ที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ในอาเซียนของเรานั้นเอง เนื่องจากบริเวณอุทยานเนี้ยมีความหลากหลายทางธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลสูงมาก อีกทั้งยังมีสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีวิวัฒนาการใกล้เคียงกับไดโนเสาร์นั้นก็คือ โคโมโด มังกรโคโมโดเนี้ยเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทเดียวกับ จิ้งจก แย้ ตุ๊กแก แต่จะมีขนาดที่ใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ จึงได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของโลก

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : http://www.damaicruises.com/gallery/nature-and-wild-life

อุทยานแห่งชาติโคโมโด[Komodo National Park]
       
         เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ระหว่างหมู่เกาะซัมบาวากับเกาะฟลอเรส ใกล้หมู่เกาะซุนดาน้อย ซึ่งอยู่ระหว่างจังหวัด นูซาเติงการาตะวันออก กับ นูซาเติงการาตะวันตก ของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วย 3 เกาะใหญ่ด้วยกัน คือ เกาะโคโมโด เกาะริงจา และเกาะปาดาห์ เป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อนานมาแล้วจึงมีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางบกและทางทะเลสูง มีพื้นที่ประมาณ 1,817 ตารางกิโลเมตร มีประชากรที่อาศัยอยู่บนเกาะเหล่านี้ประมาณ 4,000 คน


ที่มา : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/5.html

              อุทยานแห่งชาติโคโมโดถูกแต่งตั้งให้เป็นเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลเมื่อปี ค.ศ 2523 เพื่อป้องกันการถูกคุกคามและล่าโดยมนุษย์ ต่อมาก็ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ 2534 เพื่อเป็นการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลที่หายากและใกล้สูญพันธ์ รวมถึงสัตว์อื่นๆด้วย อีกทั้งยังมีวิวัฒนาการของธรรมชาติที่มีความหลากหลาย เป็นเอกลักษณ์ และยังถูกจัดเป็น
 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกธรรมชาติยุคใหม่อีกด้วย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : https://www.walkwithmethai.com/thaiairways-flythaitoindonesia-0518/

           เหตุผลหลักในกาารก่อตั้งอุทยานแห่งนี้ขึ้นก็เพื่อปกป้องเจ้าพวกโคโมโด ที่ถูกล่าและใกล้หายสาบสูญไปจากประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะเกาะโคโมโดและเกาะใกล้เคียงจะเป็นเกาะที่มี โคโมโด อาศัยอยู่ตอนนี้เหลือประมาณ 6,000 ตัว เป็นสัตว์เลื่อยคลานประเภทเดียวกับ จิ้งจก แย้ ตุ๊กแก แต่จะมีขนาดที่ใหญ่ ซึ่งเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีวิวัฒนาการที่คล้ายคลึงกับไดโนเสาร์เมื่อ 300 ล้านปีมาแล้ว


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : Thaifly.com


           เมื่อโคโมโดเติบโตเต็มวัยจะมีขนาดความยาวได้ถึง 3 เมตร น้ำหนักถึง 70 กิโลกรัม เป็นสัตว์ที่มีนิสัยก้าวร้าวทำให้พวกมันถูกเรียกว่า โคโมโดดราก้อน หรือ มังกรโคโมโด  ซึ่งเป็นสัตว์และนักล่าที่อันตรายและน่ากลัวเพราะพวกมันจะล่าตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กกว่าตัวมันเช่น ลิง นก ไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่กว่าตัวของมัน เช่น หมูป่า กวาง ม้า อีกทั้งพวกมันยังมีกรงเล็บโค้งที่แข็งแรง ฟันที่คมกริบ โดยเฉพาะน้ำลายที่มีแบคทีเรียในนั้นกว่า 50 ชนิด ซึ่งถ้าหากโดนกัดเข้าไปก็จะเกิดอาการเลือดเป็นพิษและเสียชีวิตในเวลา 3 วัน


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : Time Travel Turtle

             หากจะไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติโคโมโด แล้วต้องการที่จะไปถ่ายรูปกับมังกรโคโมโด จำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติไปด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัย เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและอาจจะทำอันตรายได้ วิธีการไล่โคโมโดก็คือ เมื่อถูกโจมตีเจ้าหน้าที่ก็จะเอาไม้ง่ามจิ้มไปที่ตาของโคโมโด เพียงแค่นี้พวกมันก็จะล่าถอยไปเอง (แนะนำว่าอย่าทำเองเด็ดขาดเนื่องจากอาจเกิดความผิดพลาดและเป็นอันตรายต่อตนเองได้)


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : tripadvisor.jp


          นอกจากจะมีโคโมโดแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนอีกหลายอย่าง เช่น การดำน้ำเยี่ยมชมระบบนิเวศทางทะเลที่มีความหลากหลายทางด้านชีวภาพสูง ซึ่งจะพบกับสัตว์น้ำที่แปลกตาและหายาก ไม่ว่าจะเป็น ปลาพระอาทิยต์ ฉลามวาฬ หมึกวงแหวนสีฟ้า และยังมีประการังที่มีสีสันสดใสสวยงาม อีกทั้งยังมีระบบนิเวศที่อยู่บนเกาะไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืชและสัตว์บกที่หายากและมีความหลากหลายให้ได้เยี่ยมชม


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : picturesboss.com

           บนพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งนี้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพันธุ์พืชที่หายากและตกอยู่ในภาวะที่อันตรายต่อการสูญพันธุ์ แต่ก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เพราะการได้จัดตั้งเป็นพื้นที่อุทยานซึ่งเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ เมื่อได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแล้ว ทำให้มนุษยชาติได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้มากยิ่งขึ้น และควรรักษาไว้ให้นานสืบทอดต่อสู่รุ่นลูกหลานต่อไป


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : http://espanyc.com/อุทยานแห่งชาติโคโมโด-komodo-national-p-2/






เอกสารอ้างอิง

อุทยานแห่งชาติโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย.สืบค้นเมื่อ 21/10/2561
 จากเว็บไซต์ https://sites.google.com/site/7wondernaturalintheworld/home/xuthyan-haeng-chati-kho-mo-do-ni-prathes-xindoniseiy


Thaifiy.(มปป).อุทยานแห่งชาติโคโมโด(Komodo National Park). สืบค้นเมื่อ 21/10/2561
 จากเว็บไซต์ https://www.thaifly.com/index.php?route=news/news&news_id=891

AmazingThailand.(2560).เยือนถิ่นมังกรโคโมโด สัตว์ดึกดำบรรพ์แห่งอินโดนีเซีย. สืบค้นเมื่อ 21/10/2561 จากเว็บไซต์ http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/เยือนถิ่นมังกรโคโมโด-สัตว์ดึกดำบรรพ์แห่งอินโดนีเซีย/

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. มูลนิธิวิกิมีเดีย.(มปป). อุทยานแห่งชาติโคโมโด.
จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติโกโมโด


นัชรึ อุ่มบางตลาด.(2557).อุทยานแห่งชาติโคโมโด.สืบค้นเมื่อ 22/10/2561
จากเว็บบล็อก http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/5.html



วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561

มรดกโลกแห่งแรกในเมียร์มาร์





          สวัสดีค่ะทุกคน ครั้งนี้เราจะพาไปพบกับมรดกโลกแห่งแรกของประเทศเมียร์มาร์กันนะคะ ประเทศเมียร์มาร์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีรูปแบบศิลปะ วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็นเมียร์มาร์ท่ามกลางความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เรามาดูแหล่งโบราณสถานแห่งแรกที่ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกกันเลย


Related image
ที่มา gothailandgoasean.tourismthailand.org

           กลุ่มเมืองโบราณในอาณาจักรพยู ตั้งอยู่ ทางทิศตะวันออกของเมืองแปร ประเทศเมียร์มาร์

ที่มา http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/blog-post_9.html


          กลุ่มเมืองโบราณในอาณาจักรพยู ถูกประกาศให้ขึ้นเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี พ.ศ.2557 และจะรวมไปถึงพื้นที่บริเวณเมืองโบราณศรีเกษตร เปียทะโนมโยและหะลินยี ที่ถูกสร้างขึ้นร่วมสมัยกัน ราวพุทธศตวรรษที่ 4 ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกในประเทศเมียร์มาร์

Image result for เมืองโบราณในอาณาจักรพยู
ที่มา https://aseanworldtravel11.blogspot.com/2017/10/blog-post.html


          กลุ่มคนที่ร่วมกันสร้างเมืองโบราณแห่งนี้คือ ชาวพยู เป็นชนชาติดั้งเดิมที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานก่อนชาวเมียร์มาร์ อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำอิรวดี มีอาชีพหลักคือทำการเกษตรกรรมเนื่องจากที่ดินบริเวณที่อยู่อาศัยนั้นเป็นที่ราบสูง แม้จะมีแม่น้ำไหลผ่านแต่ก็ยังเกิดความแห้งแล้ง ดั้งนั้นชาวพยูจึงมีวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้ นั้นคือ การทำวิธีการผันน้ำ และการขุดหลอกคูคลองไว้รอบๆเมืองเพื่อไว้ใช้ในยามแล้ง

ที่มา whc.unesco.org/en/list/1444/


            ชาวพยูได้ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรที่มีชื่อว่า ศรีเกษตร ซึ่งมีอายุประมาณ 1,000 ปีและสิ่งก่อสร้างต่างๆที่ทำขึ้นมาได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นในด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ภาษา และพุทธศาสนา โดยสันนิฐานว่าชื่อเมืองศรีเกษตร อาจได้มาจากเมืองโบราณในอินเดีย นั้นคือ เมืองปุรีในแคว้นโอริสสา


Related image
ที่มา grapeimgxs.pw
             โดยศูนย์กลางของอาณาจักรนี้อยู่ที่เมืองศรีเกษตร อีกทั้งร่องรอยของอารยธรรมโบราณอย่างเมืองเปียทะโนมโยและหะลินยี ก็มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกัน จึงรวมทั้ง 3 เมืองนี้เป็น กลุ่มเมืองโบราณในอาณาจักรพยู
         

Related image
ที่มา Travel MThai

          สถาปัตยกรรมที่สำคัญของอาณาจักรพยูคือ การสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ก่อตัน เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำชื่อว่า เจดีย์บอบอจี วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างคืออิฐ เป็นการผสมผสานกันระหว่างเจดีย์ก่อตันและวิหาร เพื่อใช้ในการทำศาสนาพิธี ซึ่งเป็นรากฐานในการสร้างสถาปัตยกรรมในยุคต่อๆมาของเมียร์มาร์


Related image
ที่มา thaigoodview.com

           ปัจจุบันนี้เมืองโบราณในอาณาจักรพยู ได้มีการชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ทั้งจากกาลเวลาและการจัดการที่ไม่ดีพอ เหลือเพียงแต่ซากปรักหักพังของโบราณสถาน เป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ไม่ว่าจะเป็น คูน้ำ กำแพงเมือง ซากพระราชวัง เจดีย์ พระพุทธรูป และสุสานโบราณ ต่อมาได้รับการดูแลที่ดีขึ้นจากองค์กรยูเนสโกและเมียร์มาร์เอง เพราะว่าเมืองแห่งนี้ถูกขึ้นเป็นมรดกโลกที่มีความสำคัญในฐานะเมืองเก่าแก่กว่าพันปี อีกทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมเมืองโบราณแห่งนี้และอนุรักษ์ไว้ต่อไป


Related image
ที่มา Travel MThai
Related image
ที่มา Travel MThai

เอกสารอ้างอิง

เสถียรพงศ์ ใจเย็น.(2559). กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู.สืบค้นเมื่อ 7/10/2561 จากเว็บบล็อกhttp://aseannotes.blogspot.com/2014/08/blog-post_9.html

 oporshady.(2558).เมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า.สืบค้นเมื่อ 7/10/2561
จากเว็บไซต์ https://travel.mthai.com/world-travel/87302.html

AmazingThailand.(2560).เที่ยวเมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า. สืบค้นเมื่อ 08/10/2561 จากเว็บไซต์http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/เที่ยวเมืองโบราณอาณาจักรพยู-มรดกโลกแห่งแรกของพม่า/

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

มรดกโลก ณ เมืองโบราณฮอยอัน


          สวัสดีค่ะทุกคน ครั้งนี้เราจะไปพบกับแหล่งมรกดกโลกในอาเซียนกันอีกแล้วนะคะ แต่คราวนี้จะเป็นมรดกโลกที่เกี่ยวกับ ทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีความโดเด่นทางด้านวัฒนธรรม ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็มีการผสมผสานของศิลปะของแต่ละชาติที่มาอาศัยอยู่และการเข้ามาของผู้คนที่หลากหลายเชื้อชาติ นั้นคือ เมืองโบราณฮอยอัน  ณ ประเทศเวียดนาม


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา social.thaiairways.com



             ฮอยอัน หรือ โห่ยอา เป็นเมืองที่อยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำทูโบนทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ในจังหวัดกว๋างนาม มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 80,000 คน เมืองแห่งนี้แต่เดิมเคยเป็นเมืองท่าในสมัยอาณาจักรจามปาชื่อว่า ไฮโฟ  ซึ่งเป็นศูยน์กลางทางการค้าระหว่างตะวันตกและตะวันออกที่มีความรุ่งเรื่องมากเลยทีเดียว


ที่มา http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/2.html


         เมืองโบราณฮอยอัน เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมเมื่อ พ.ศ 2542 เพราะเมืองมีสถาปัตยกรรมที่มีความเก่าแก่ แข็งแรง และโดดเด่น มีเอกลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรมของมนุษย์ มีขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน และผสมผสานกันระหว่าง จีน ญี่ปุ่นและเวียดนามเข้าด้วยกัน


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฮอยอัน เวียดนาม
ที่มา ktk tour enterprise


   ไฮไลท์ของเมืองโบราณฮอยอันแห่งนี้จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย

   
         - สะพานญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบราณฮอยอัน ถูกสร้างขึ้นโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเมื่อประมาณ 400 กว่าปีที่แล้ว สร้างขึ้นเพื่อเป็นสะพานเชื่อมต่อกันกับชุมชนจีน ซึ่งเป็นการสร้างที่เอกลักษณ์เฉพาะตัว สะพานจะมีทรงโค้ง มีหลังคาที่มุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองโดยมีลักษณะเป็นลอนคลื่น


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฮอยอัน เวียดนาม
ที่มา Travel MThai


        - บ้านเลขที่ 101 เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยไม้ 2 ชั้น เป็นบ้านไม้ที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดในเมืองฮอยอัน สร้างมาแล้วกว่า 75 ปี โดยคนจีนตระกูล Tan Ky ภายในบ้านมีการแบ่งออกเป็นสัดส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็น ห้องนั้งเล่น ห้องครัว ห้องนอน ห้องรับแขกของในสมัยก่อน



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา flickr.com


       - สมาคมฟุกเกี๋ยน  เป็นบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการพบปะกันของชาวจีนที่อพยพเข้ามา เป็นสมาคมที่มีคนมากที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน อีกทั้งที่แห่งนี้ยังถูกใช้บูชาบรรพบุรุษและรำลึกถึงถิ่นกำเนิดของตนเอง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สมาคมฟุกเกี๋ยน ฮอยอัน เวียดนาม
ที่มา http://www.aumlucktour.com/sub2content.asp?id=16306


          ในเขตเมืองโบราณจะห้ามไม่ให้เอารถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้ามา แต่จะให้ใช้รถจักรยานและเดินเท้าแทน เพื่อเป็นการอนุรักษ์สถานที่โบราณแห่งนี้เอาไว้ บริเวณริมถนนยังมีร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ระลึก สินค้าทำมือ อีกทั้ง 2 ข้างทางยังประดับด้วยโคมไฟหลากสี ภาพวาด และร้านอาหารต่างๆที่น่าลองและน่าสนใจอีกด้วย


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฮอยอัน เวียดนาม
ที่มา AirMosphere.net





อ้างอิง

-ลำเจียก สองสีดา.(2542).เมืองโบราณฮอยอัน.สืบค้นเมื่อ 21/09/2561
จากบล็อก http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/2.html

-เมืองโบราณฮอยอัน.สืบค้นเมื่อ 21/09/2561
จากเว็บไซต์ http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/เที่ยวฮอยอัน-เมืองเก่ามรดกโลกของประเทศเวียดนาม/

- เมืองฮอยอัน เวียดนาม.สืบค้นเมื่อ 22/09/2561
 จากเว็บไซต์ https://travel.mthai.com/world-travel/95329.html

- ฮอยอัน. สืบค้นเมื่อ 22/09/2561  จากเว็บไซต์ http://www.wikiwand.com/th/ฮอยอัน

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

มรดกโลกในอาเซียน ทุบบาตาฮะ


              สวัสดีค่ะทุกคน ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับดินแดนที่ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกนะคะ คราวนี้จะเป็นการแนะนำมรดกโลกทางธรรมชาติอีกที่หนึ่ง เป็นธรรมชาติใต้ท้องทะเลของประเทศฟิลิปปินส์ที่มีหมู่เกาะเยอะแยะมากมายอีกแห่งหนึ่งของโลกกันนะคะ😃

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา http://balitangpilipinas.com/อุทยานธรรมชาติปะการังต/

อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ 
          'ทุบบาตาฮะ'มาจากภาษาซามาน แปลว่า แนวปะการังยาวจะจะเผยให้เห็นในช่วงน้ำลด อุทยานแห่งนี้ได้รับการแต่งตั้งจากยูเนสโกให้ขึ้นเป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อ ค.ศ 1993 โดยตั้งอยู่บริเวณใจกลางทะเลซูลู ของประเทศฟิลิปปินส์ มีพื้นที่ประมาณ 970 ตารางกิโลเมตร


ที่มา http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/5.html

           ลักษณะของเกาะจะเป็นรูปวงแหวนที่เกิดจากปะการังขนาดใหญ่ 2 เกาะ นั้นคือ เกาะวงแหวนเหนือที่มีความกว้างของเกาะ 5กิโลเมตร มีความยาว 16 กิโลเมตร และเกาะวงแหวนใต้จะมีความกว้างของเกาะ 3 กิโลเมตร มีความยาว 5 กิโลเมตร ซึ่งจะถูกแยกออกจากกันโดยช่องแคบเล็กๆขนาดประมาณ 8 กิโลเมตรและมีทะเลสาปและเกาะทรายเล็กๆอยู่ตรงกลาง


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา premiumworldtour.info

           ด้วยความอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของทะเลและปะการังทำให้มีพืชและสัตว์ทะเลอาศัยในบริเวณนี้กันอย่างหนาแน่นและมีความหลากหลายทางด้านชีวภาพที่ประกอบด้วยสายพันธุ์ปะการังของโลกร้อยละ 75 และสายพันธุ์ปลาที่อยู่บริเวณปะการังของโลกร้อยละ 40 ทำให้ที่แห่งนี้ถูกตั้งให้เป็นเขตสงวนพันธุ์นกและสัตว์ทางทะเลของประเทศฟิลิปปินส์

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา repeatingislands.com


        ทุบบาตาฮะ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาดำน้ำเยี่ยมชมปะการังได้เพียง 3 เดือนต่อปีเท่านั้น ซึ่งจะอยู่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมจึงถึงกลางเดือนมิถุนายน เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีคุณค่าของสถานที่แห่งนี้เอาไว้ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวประมาณ 3,000 เปโซ/คน และต้องปฎิบัติตามข้อบังคับของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ ฟิลิปปินส์
ที่มา http://espanyc.com/อุทยานธรรมชาติปะการังต/


          หากใครที่ชื่นชอบการดำน้ำ ชมความสวยงามของโลกใต้ทะเล อุทยานแห่งชาติทุบบาตาฮะเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด เพราะเป็น 1 ใน 9 สถานที่ที่เป็นแหล่งธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกทางทะเล อีกทั้งความอุดมสมบูรณ์และความสวยงามของที่แห่งนี้ยังเป็นที่กล่าวขานไปทั่วโลก ใครที่ตั้งใจที่จะไปเที่ยวที่นี้ควรจะต้องรีบๆกันหน่อยเพราะที่นี้จำกัดคนเข้าชมและเปิดให้เข้าชมเพียง 3 เดือนเท่านั้นนะคะ....




เอกสารอ้างอิง

อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮะ. สืบค้นเมื่อ 8/09/2018
 จากเว็บไซต์ http://gothailandgoasean.tourismthailand.org

- อุทยานแห่งชาติปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ.สืบค้นเมื่อ 9/09/2018
จากเว็บไซต์ http://www.aec10news.com/ท่องเที่ยวอาเซียน/item/5698-“อุทยานปะการังตุบบาตาฮา”-มรดกโลกแห่งฟิลิปปินส์

อุทยานแห่งชาติปะการังทุบบาตาฮะ.สืบค้นเมื่อ 10/09/2018
จากเว็บไซต์ https://www.thaifly.com/index.php?route=news/news&news_id=1181

- วราพรรณ พูลสวัสดิ์.(มปป). อุทยานปะการังทางทะเลทุบบาตาฮะ.สืบค้นเมื่อ 10/09/2018
จากเว็บบล็อก http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/5.html


วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ดินแดนมรดกโลก บนเกาะบอร์เนียว


                   สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับสถานที่ที่ขึ้นเป็นมรดกโลกในที่อยู่ใน  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนของเรา ซึ่งครั้งนี้จะพบกับ มรดกโลกทางธรรมชาติ เป็นธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้


         อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู แห่งนี้เป็น 1 ในแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่อยู่ในเอเซียนตะวันออกเฉียงใต้หากใครที่สนใจที่จะท่องเที่ยวทริปการผจญภัยและสำรวจธรรมชาติ สถานที่แห่งนี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด

Image result for อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู
ที่มาภาพ Travel MThai

     อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู เป็นอุทยานที่ได้รับการลงทะเบียนให้เป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อปี พ.ศ.2543 ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ในรัฐซาราวะก์ ประเทศมาเลเซีย  เป็นอุทยานที่มีความหลากหลายในด้านชีววิทยา และธรณีวิทยาเป็นอย่างมาก มีพันธุ์พืชกว่า 3,500 ชนิด และมีพันธุ์ปาล์มกว่า 109 ชนิดละภูมิประเทศแบบคาสต์ คือ ภูมิประเทศหินปูนที่ถูกน้ำกัดกร่อนหินปูนจนหินปูนมีลักษณะสูงๆ ต่ำๆ มีหน้าผาสูงชัน ยอดแหลม และมีถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกประหลาดต่างๆกันไป 



ที่มาภาพ http://kfldlfjh73.blogspot.com/2012/07/blog-post_08.html

     ภูมิประเทศอีกอย่างหนึ่งที่มีความสวยงามของหินปูนที่ถูกกัดเซาะก็คือ พินนาเคิล เป็นยอดแหลมหินหน้าผาจนกลายเป็น หินแหลมขนาดใหญ่ที่คมกริบราวกับมีดโกน ซึ่งถูกกัดกร่อนเป็นแอ่งลึกตามธรรมชาติ


Related image
ที่มาภาพ naturalis-expeditions.com

    สิ่งที่ไม่ควรพลาดในอุทยานแห่งชาตินี้คือการได้เข้าเยี่ยมชม"ถ้ำซาราวัค แซมเบอร์" ซึ่งเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีความยาว 700 เมตร กว้าง 396 เมตร และสูง 80 เมตร
แชมเบอร์ ถ้ำใหญ่ที่สุดในโลก แห่ง อุทยานแห่งชาติมูลู ประเทศมาเลเซีย
ที่มาภาพ https://travel.mthai.com/world-travel/65612.html

      และอีกสถานที่หนึ่งที่สำคัญเป็นถ้ำที่มียาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั้นก็คือ ถ้ำน้ำใส เป็นถ้ำที่มีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นล้านตัว และทางเดินถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง  เดียร์เคฟ ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับโบสถ์เซนต์ปอลในลอนดอนห้าหลัง 
Related image
ที่มาภาพ Travel MThai

    ปัจจุบันนี้อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู
เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านธรณีวิทยารูปแบบภูมิประเทศแบบคาสต์และยังเป็นแหล่งศึกษาพันธุ์พืชเขตร้อนแต่ด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้สถานที่แห่งนี้ยังคงได้รับความสนใจจากผู้คนที่ชอบความท้าท้ายและชอบการผจญภัย...






ที่มาของบทความ

- อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู.ค้นหาเมื่อ 26 /08/2018 
จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู

- แก้วตา  ธีระกุลพิศุทธิ์.(มปป).มรดกโลกในมาเลเซีย4:อุทยานแห่งชาติกุนุงลูมู.สืบค้นเมื่อ27/08/2018 .จากเว็บบล็อค http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/4_10.html

- อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู.ค้นหาเมื่อ 27/08/2018 จากเว็บไซต์ https://travel.mthai.com/world-travel/65612.html

อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู.ค้นหาเมื่อ 27/08/2018 จากเว็บไซต์ http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th