วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

มรดกโลก ดินแดนโคโมโด

     

 สวัสดีค่ะทุกคน ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับดินแดนของโคโมโดหรืออุทยานแห่งชาติโคโมโดกัน เป็นสถานที่ที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ในอาเซียนของเรานั้นเอง เนื่องจากบริเวณอุทยานเนี้ยมีความหลากหลายทางธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเลสูงมาก อีกทั้งยังมีสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีวิวัฒนาการใกล้เคียงกับไดโนเสาร์นั้นก็คือ โคโมโด มังกรโคโมโดเนี้ยเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทเดียวกับ จิ้งจก แย้ ตุ๊กแก แต่จะมีขนาดที่ใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ จึงได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของโลก

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : http://www.damaicruises.com/gallery/nature-and-wild-life

อุทยานแห่งชาติโคโมโด[Komodo National Park]
       
         เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ระหว่างหมู่เกาะซัมบาวากับเกาะฟลอเรส ใกล้หมู่เกาะซุนดาน้อย ซึ่งอยู่ระหว่างจังหวัด นูซาเติงการาตะวันออก กับ นูซาเติงการาตะวันตก ของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วย 3 เกาะใหญ่ด้วยกัน คือ เกาะโคโมโด เกาะริงจา และเกาะปาดาห์ เป็นเกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อนานมาแล้วจึงมีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งทางบกและทางทะเลสูง มีพื้นที่ประมาณ 1,817 ตารางกิโลเมตร มีประชากรที่อาศัยอยู่บนเกาะเหล่านี้ประมาณ 4,000 คน


ที่มา : http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/5.html

              อุทยานแห่งชาติโคโมโดถูกแต่งตั้งให้เป็นเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลเมื่อปี ค.ศ 2523 เพื่อป้องกันการถูกคุกคามและล่าโดยมนุษย์ ต่อมาก็ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ 2534 เพื่อเป็นการอนุรักษ์สัตว์ป่าและสัตว์ทะเลที่หายากและใกล้สูญพันธ์ รวมถึงสัตว์อื่นๆด้วย อีกทั้งยังมีวิวัฒนาการของธรรมชาติที่มีความหลากหลาย เป็นเอกลักษณ์ และยังถูกจัดเป็น
 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกธรรมชาติยุคใหม่อีกด้วย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : https://www.walkwithmethai.com/thaiairways-flythaitoindonesia-0518/

           เหตุผลหลักในกาารก่อตั้งอุทยานแห่งนี้ขึ้นก็เพื่อปกป้องเจ้าพวกโคโมโด ที่ถูกล่าและใกล้หายสาบสูญไปจากประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะเกาะโคโมโดและเกาะใกล้เคียงจะเป็นเกาะที่มี โคโมโด อาศัยอยู่ตอนนี้เหลือประมาณ 6,000 ตัว เป็นสัตว์เลื่อยคลานประเภทเดียวกับ จิ้งจก แย้ ตุ๊กแก แต่จะมีขนาดที่ใหญ่ ซึ่งเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีวิวัฒนาการที่คล้ายคลึงกับไดโนเสาร์เมื่อ 300 ล้านปีมาแล้ว


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : Thaifly.com


           เมื่อโคโมโดเติบโตเต็มวัยจะมีขนาดความยาวได้ถึง 3 เมตร น้ำหนักถึง 70 กิโลกรัม เป็นสัตว์ที่มีนิสัยก้าวร้าวทำให้พวกมันถูกเรียกว่า โคโมโดดราก้อน หรือ มังกรโคโมโด  ซึ่งเป็นสัตว์และนักล่าที่อันตรายและน่ากลัวเพราะพวกมันจะล่าตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กกว่าตัวมันเช่น ลิง นก ไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่กว่าตัวของมัน เช่น หมูป่า กวาง ม้า อีกทั้งพวกมันยังมีกรงเล็บโค้งที่แข็งแรง ฟันที่คมกริบ โดยเฉพาะน้ำลายที่มีแบคทีเรียในนั้นกว่า 50 ชนิด ซึ่งถ้าหากโดนกัดเข้าไปก็จะเกิดอาการเลือดเป็นพิษและเสียชีวิตในเวลา 3 วัน


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : Time Travel Turtle

             หากจะไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติโคโมโด แล้วต้องการที่จะไปถ่ายรูปกับมังกรโคโมโด จำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติไปด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัย เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและอาจจะทำอันตรายได้ วิธีการไล่โคโมโดก็คือ เมื่อถูกโจมตีเจ้าหน้าที่ก็จะเอาไม้ง่ามจิ้มไปที่ตาของโคโมโด เพียงแค่นี้พวกมันก็จะล่าถอยไปเอง (แนะนำว่าอย่าทำเองเด็ดขาดเนื่องจากอาจเกิดความผิดพลาดและเป็นอันตรายต่อตนเองได้)


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : tripadvisor.jp


          นอกจากจะมีโคโมโดแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนอีกหลายอย่าง เช่น การดำน้ำเยี่ยมชมระบบนิเวศทางทะเลที่มีความหลากหลายทางด้านชีวภาพสูง ซึ่งจะพบกับสัตว์น้ำที่แปลกตาและหายาก ไม่ว่าจะเป็น ปลาพระอาทิยต์ ฉลามวาฬ หมึกวงแหวนสีฟ้า และยังมีประการังที่มีสีสันสดใสสวยงาม อีกทั้งยังมีระบบนิเวศที่อยู่บนเกาะไม่ว่าจะเป็นพันธุ์พืชและสัตว์บกที่หายากและมีความหลากหลายให้ได้เยี่ยมชม


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : picturesboss.com

           บนพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งนี้เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพันธุ์พืชที่หายากและตกอยู่ในภาวะที่อันตรายต่อการสูญพันธุ์ แต่ก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เพราะการได้จัดตั้งเป็นพื้นที่อุทยานซึ่งเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีความหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ เมื่อได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแล้ว ทำให้มนุษยชาติได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้มากยิ่งขึ้น และควรรักษาไว้ให้นานสืบทอดต่อสู่รุ่นลูกหลานต่อไป


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ที่มา : http://espanyc.com/อุทยานแห่งชาติโคโมโด-komodo-national-p-2/






เอกสารอ้างอิง

อุทยานแห่งชาติโคโมโด ประเทศอินโดนีเซีย.สืบค้นเมื่อ 21/10/2561
 จากเว็บไซต์ https://sites.google.com/site/7wondernaturalintheworld/home/xuthyan-haeng-chati-kho-mo-do-ni-prathes-xindoniseiy


Thaifiy.(มปป).อุทยานแห่งชาติโคโมโด(Komodo National Park). สืบค้นเมื่อ 21/10/2561
 จากเว็บไซต์ https://www.thaifly.com/index.php?route=news/news&news_id=891

AmazingThailand.(2560).เยือนถิ่นมังกรโคโมโด สัตว์ดึกดำบรรพ์แห่งอินโดนีเซีย. สืบค้นเมื่อ 21/10/2561 จากเว็บไซต์ http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/เยือนถิ่นมังกรโคโมโด-สัตว์ดึกดำบรรพ์แห่งอินโดนีเซีย/

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. มูลนิธิวิกิมีเดีย.(มปป). อุทยานแห่งชาติโคโมโด.
จากเว็บไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติโกโมโด


นัชรึ อุ่มบางตลาด.(2557).อุทยานแห่งชาติโคโมโด.สืบค้นเมื่อ 22/10/2561
จากเว็บบล็อก http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/5.html



วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561

มรดกโลกแห่งแรกในเมียร์มาร์





          สวัสดีค่ะทุกคน ครั้งนี้เราจะพาไปพบกับมรดกโลกแห่งแรกของประเทศเมียร์มาร์กันนะคะ ประเทศเมียร์มาร์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีรูปแบบศิลปะ วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความเป็นเมียร์มาร์ท่ามกลางความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เรามาดูแหล่งโบราณสถานแห่งแรกที่ได้รับการขึ้นเป็นมรดกโลกกันเลย


Related image
ที่มา gothailandgoasean.tourismthailand.org

           กลุ่มเมืองโบราณในอาณาจักรพยู ตั้งอยู่ ทางทิศตะวันออกของเมืองแปร ประเทศเมียร์มาร์

ที่มา http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/blog-post_9.html


          กลุ่มเมืองโบราณในอาณาจักรพยู ถูกประกาศให้ขึ้นเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี พ.ศ.2557 และจะรวมไปถึงพื้นที่บริเวณเมืองโบราณศรีเกษตร เปียทะโนมโยและหะลินยี ที่ถูกสร้างขึ้นร่วมสมัยกัน ราวพุทธศตวรรษที่ 4 ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกในประเทศเมียร์มาร์

Image result for เมืองโบราณในอาณาจักรพยู
ที่มา https://aseanworldtravel11.blogspot.com/2017/10/blog-post.html


          กลุ่มคนที่ร่วมกันสร้างเมืองโบราณแห่งนี้คือ ชาวพยู เป็นชนชาติดั้งเดิมที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานก่อนชาวเมียร์มาร์ อาศัยอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำอิรวดี มีอาชีพหลักคือทำการเกษตรกรรมเนื่องจากที่ดินบริเวณที่อยู่อาศัยนั้นเป็นที่ราบสูง แม้จะมีแม่น้ำไหลผ่านแต่ก็ยังเกิดความแห้งแล้ง ดั้งนั้นชาวพยูจึงมีวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้ นั้นคือ การทำวิธีการผันน้ำ และการขุดหลอกคูคลองไว้รอบๆเมืองเพื่อไว้ใช้ในยามแล้ง

ที่มา whc.unesco.org/en/list/1444/


            ชาวพยูได้ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรที่มีชื่อว่า ศรีเกษตร ซึ่งมีอายุประมาณ 1,000 ปีและสิ่งก่อสร้างต่างๆที่ทำขึ้นมาได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นในด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ภาษา และพุทธศาสนา โดยสันนิฐานว่าชื่อเมืองศรีเกษตร อาจได้มาจากเมืองโบราณในอินเดีย นั้นคือ เมืองปุรีในแคว้นโอริสสา


Related image
ที่มา grapeimgxs.pw
             โดยศูนย์กลางของอาณาจักรนี้อยู่ที่เมืองศรีเกษตร อีกทั้งร่องรอยของอารยธรรมโบราณอย่างเมืองเปียทะโนมโยและหะลินยี ก็มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกัน จึงรวมทั้ง 3 เมืองนี้เป็น กลุ่มเมืองโบราณในอาณาจักรพยู
         

Related image
ที่มา Travel MThai

          สถาปัตยกรรมที่สำคัญของอาณาจักรพยูคือ การสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ก่อตัน เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำชื่อว่า เจดีย์บอบอจี วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างคืออิฐ เป็นการผสมผสานกันระหว่างเจดีย์ก่อตันและวิหาร เพื่อใช้ในการทำศาสนาพิธี ซึ่งเป็นรากฐานในการสร้างสถาปัตยกรรมในยุคต่อๆมาของเมียร์มาร์


Related image
ที่มา thaigoodview.com

           ปัจจุบันนี้เมืองโบราณในอาณาจักรพยู ได้มีการชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ทั้งจากกาลเวลาและการจัดการที่ไม่ดีพอ เหลือเพียงแต่ซากปรักหักพังของโบราณสถาน เป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่ไม่ว่าจะเป็น คูน้ำ กำแพงเมือง ซากพระราชวัง เจดีย์ พระพุทธรูป และสุสานโบราณ ต่อมาได้รับการดูแลที่ดีขึ้นจากองค์กรยูเนสโกและเมียร์มาร์เอง เพราะว่าเมืองแห่งนี้ถูกขึ้นเป็นมรดกโลกที่มีความสำคัญในฐานะเมืองเก่าแก่กว่าพันปี อีกทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมเมืองโบราณแห่งนี้และอนุรักษ์ไว้ต่อไป


Related image
ที่มา Travel MThai
Related image
ที่มา Travel MThai

เอกสารอ้างอิง

เสถียรพงศ์ ใจเย็น.(2559). กลุ่มเมืองโบราณอาณาจักรพยู.สืบค้นเมื่อ 7/10/2561 จากเว็บบล็อกhttp://aseannotes.blogspot.com/2014/08/blog-post_9.html

 oporshady.(2558).เมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า.สืบค้นเมื่อ 7/10/2561
จากเว็บไซต์ https://travel.mthai.com/world-travel/87302.html

AmazingThailand.(2560).เที่ยวเมืองโบราณอาณาจักรพยู มรดกโลกแห่งแรกของพม่า. สืบค้นเมื่อ 08/10/2561 จากเว็บไซต์http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/เที่ยวเมืองโบราณอาณาจักรพยู-มรดกโลกแห่งแรกของพม่า/